วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การกราดนำไก่


เมื่อคัดไก่พม่าได้แล้วสิ่งสำคัญที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการเลี้ยงก็คือ ท่านจะต้องเข้าใจธรรมชาติของไก่พม่าที่สำคัญคือ

1. ไก่พม่ามันเปรียวจะเลี้ยงจะดูแลต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ จับค่อย ๆ คลำ เขาจะได้ไม่ตื่นกลัว
2. การปล้ำเลี้ยงใหม่ ๆ ต้องปล้ำแต่น้อยอย่าให้เกิน 1 ยก พออายุ11 เดือนค่อยนำไปไล่อันกับไก่อ่อน ๆ เหมือนกัน สักสองอันเพื่อฝึกยืนระยะ อย่าไล่อันนานเพราะพม่าดี ๆ ตีไม่เกินสองอันแน่นอน ที่สำคัญไก่พม่าหนุ่มถ้าปล้ำเลี้ยง  หนัก ๆ เดี๋ยวพาลไม่สู้ไก่เอาจะลำบาก เลี้ยงพม่าต้องรออายุ รอกระดูก รอกล้ามเนื้อนิดหนึ่ง ไม่งั้นจะใจเสาะ
3. พอชนขวบเริ่มไล่อัน 3 อันขึ้นได้ และออกบ่อนป่าชมรมได้ ไก่พม่าถ้าสภาพสดได้อายุต้องรีบชน บางทีรอแข็งไม่ได้ ดังนั้นการเลี้ยนงไก่พม่าจึงเน้นการออกกำลังกายมากกว่าการปล้ำวาง เช่นเตะมุ้ง เตะเป้า เพราะพม่าตีกันไม่นาน ไม่ต้องรออัน4อัน5  อันเดียวสองอันจบแล้ว ยกเว้นการชนราคาแพงควรดูความแข็งประกอบด้วยเพราะไก่เก่งมักรบกันยืดเยื้อ
4. กรณีเลี้ยงพม่าลูกผสมอาจเพิ่มความเข้มในการเลี้ยงการปล้ำใกล้เคียงกับไก่ไทยครับ
5.ดังที่บอกแล้วในครั้งก่อนว่าไก่พม่าหนุ่ม ๆ อย่าพึ่งปล้ำกับไก่ป่าก๋อยประเภทกัด ๆ มากนัก เพราะลำตัวยังบอบบางโดนบ่อย ๆ อาจเสียไก่  ถ้าเจอควรจับออกก่อนที่จะเสียไก่ อย่ากลัวเสียหน้าเพราะกระดูกอ่อน ๆ นี่โดนเขาเคี้ยวแน่นอน แต่ถ้าเราแข็งและพริ้วไหวแล้วค่อยว่ากัน
6.ไก่พม่าต้องเลี้ยงสม่ำเสมอห้ามขาดช่วง เพราะเป็นไก่ที่ไวต่อธรรมชาติ หากขาดเลี้ยงเพียงช่วงสั้น ๆ อาจทำให้ไก่ชนผิดฟอร์มได้
7.สังเกตอาการไก่ให้ดีถ้าป่วยหรือผิดสังเกตเพียงเล็กน้อยก็ควรงดปล้ำงดนำไปชนอย่างเด็ดขาด เพราะไก่จะชนผิดฟอร์มทันที

วันนี้ขอแค่นี้นะครับ

เทคนิคการกราดน้ำ และกราดแดดไก่ชน การเลี้ยงไก่ชน เรามีไก่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ความสมบูรณ์และแข็งแรงของไก่ก็เป็นสำคัญอย่างหนึ่ง กรากราดน้ำและกราดแดดจึงมีความสำคัญไม่แพ้กันกับการออกกำลังกายหรือการกินอาหารบำรุง ขณะเดียวกันการกราดน้ำและการกราดแดดก็มีโทษเช่นกันเพราะตามวิสัยของไก่ไม่ชอบกับการกราดน้ำเลยถ้ามีเทคนิคในการกราดน้ำอาจเป็นโทษมากกว่าจะเป็นประโยชน์ ดังนั้นในการกราดน้ำและกราดแดดจึงมีเทคนิคดังนี้ การกราดน้ำไก่ชน ปกติในการกราดน้ำไก่ชนจะใช้น้ำได้ 2 วิธีด้วยกันคือน้ำอุ่น (เป็นน้ำยาสมุนไพร) กับน้ำเย็นที่ตักมาจากโอ่งที่เราเก็บไว้ซึ่งมีความแตกต่างกัน คือ การกราดน้ำด้วยน้ำเย็น ข้อดี 1.ขนไก่ชนไม่ค่อยเสีย ถึงจะเสียนานกว่าการกราดน้ำด้วยน้ำอุ่น 2.เลี้ยงไก่เข้าชนได้นานถึงแม้จะค้างนัด 1-2 ครั้งก็ยังชนได้เพราะไม่ค่อยตึงตัวเหมือนกับการเลี้ยงด้วยน้ำอุ่น(สมุนไพร) 3.ไก่จะบินดี บินสูงเพราะไม่ตึงตัวเหมือนกับการเลี้ยงด้วยน้ำอุ่น(สมุนไพร) 4.ค่าใช้จ่ายน้อย เพราะไม่ต้องไปหาสมุนไพรมาต้มน้ำละเสียเวลาน้อยด้วย เพราะ ตักจากน้ำโอ่งก็กราดได้เลย ข้อเสีย 1.ความแข็งแกร่ง น้อยกว่าการเลี้ยงด้วยน้ำอุ่น(สมุนไพร) 2.ผิวหรือหนังไก่ไม่หนาเหมือนกับการกราดน้ำด้วยน้ำอุ่น 3.ความทนทานสู้กับการกราดน้ำอุ่นไม่ได้เพราะเมื่อถูกคู่ต่อสู้ตีบาดแผลเท่ากัน กราดด้วยน้ำเย็นจะเจ็บกว่าเพราะหนังบางกว่า การกราดด้วยน้ำอุ่น (สมุนไพร) ข้อดี 1.มีความแข็งแกร่ง เพราะสมุนไพรจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อไก่ให้แข็งแรง ทั้งกล้ามเนื้อปีก กล้ามเนื้อขาทำให้ไก่มีความแข็งแกร่งไปทั้งตัว 2.ผิวหรือหนังไก่จะหนา ทนต่อบาดแผลถูกคู่ต่อสู้ตีได้ดีกว่าน้ำเย็น 3.มีความอดทนเพราะถูกคู่ต่อสู้ตีแล้วไม่ค่อยเจ็บทำให้แพ้ยาก ถ้าบาดแผลเท่ากันอาจจะชนะได้ ข้อเสีย 1.ขนของไก่ชนจะเสียง่าย เช่น หัก กรอบ ขนไม่สวยเหมือนกราดด้วยน้ำเย็นขนไม่เป็นมันคล้ายกับไก่ขนจะหลุดจึงอาจทำให้นำไก่เข้าชนไม่ได้ ถ้าไก่ชนชนะอาจจะเข้าชนได้ 1-2 ครั้งเท่านั้น ถ้ากราดด้วยน้ำเย็นอาจชนได้ 3-4 ครั้ง 2.ถ้าเลี้ยงแล้วค้างนัด คือหาคู่ไม่ได้จะค้างได้นัดเดียว จะต้องนำไก่ไปปล่อยให้เล่นฝุ่นประมาณ 1สัปดาห์ หรือ 1-10 แล้วนำมาฉะหน้าใหม่ จึงจะนำมาเลี้ยงเข้าชนใหม่ได้ ไม่เหมือนกับไก่ที่กราดด้วยน้ำเย็นจะเลี้ยงต่อไปเลย 3.ไก่ชนที่กราดด้วยน้ำอุ่น (สมุนไพร) นี้ในยกแรกจะบินไม่ค่อยดีเพราะตัวไก่จะตึง แต่พอยกที่ 2-3 จะค่อยๆบินดีขึ้น จะตรงกันข้ามกับไก่ที่กราดด้วยน้ำเย็น 4.เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลา เพราะไปหาสมุนไพรหม้อเตามาต้ม และต้องต้มไว้ข้ามวันคือถ้าจะกราดน้ำเช้านี้ จะต้องต้มสมุนไพรไว้ก่อน 1 วัน การกราดแดดไก่ชน การกราดแดดไก่ชนที่จะต้องทำควบคู่กับการกราดน้ำไก่ชน การกราดแดดไก่ชนมีประโยชน์ คือ 1.ทำให้ไก่แข็งแกร่ง ทนทาน ถ้าไก่ชนที่เข้าชนขาดแดด จะสู่ไก่ที่กราดแดดมาอย่างดีไม่ได้ซึ่งนักเลี้ยงไก่รู้ดี ถ้าฝนตกบ่อยๆไก่กราดแดดไม่ได้นักชนไปจะไม่นำไปตีเด็ดขาด 2.ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไก่ชนจะมีน้ำหนักที่พอเหมาะกับรูปร่างของไก่ นักเลี้ยงไก่จะต้องชั่งน้ำหนักเท่านั้น ส่วนวิธีควบคุมน้ำหนักที่ดี คือ การกราดแดด 3.ช่วยให้หายหอบหรือเหนื่อย ไก่ที่กราดแดดสม่ำเสมอ เวลาที่เข้าชนในสังเวียนไก่จะไม่ค่อยหอบปลายยกไก่ที่หอบหรือเหนื่อยปลายยกเกิดจากการกราดแดดไม่ถึง ทำให้เสียกำลังในยกต่อไป หรือถ้าหอบในต้นๆยก อาจทำให้แพ้ได้เลยก็มี 4.แสงแดดทำให้กระดุกไก่แข็งแรง เพราะได้รับวิตามินดี ที่ช่วยให้ไก่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ไก่ที่ขาดแสงแดดอาจทำให้เป็นง่อยเปลี้ยได้

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

การเลี้ยงไก่ชน

รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับ ไก่ชน

วิธีการเลี้ยงไก่สำหรับชน

วิธีการเลี้ยง ไก่ชน การเลี้ยงไก่สำหรับชนนั้น มีหลายอย่างหลายชนิดแล้วแต่ครูบาอาจารย์ใดจะสั่งสอนมา แต่ที่จะนำมากล่าวนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด ระยะการปล้ำและทำตัวไก่หนุ่ม ไก่หนุ่มที่จะเริ่มเลี้ยงครั้งแรก ต้องลงขมิ้นให้ทั่วทั้งตัวเสียก่อน เพื่อสะดวกในการอาบน้ำ และป้องกันไรได้ดีอีกด้วย
  1. เริ่มอาบน้ำเวลาเช้าทุกวัน ควรใช้ผ้าประคบหน้าทุกครั้งที่มีการอาบน้ำ ลงกระเบื้อง เนื้อตัวบาง ๆ แล้วลงขมิ้นตามเนื้อบาง ๆ แล้วนำไปผึ่งแดด พอรู้ว่าหอบก็นำไก่เข้าร่ม อย่าให้กินน้ำจนกว่าจะหายหอบจึงจะให้กินน้ำได้ไก่ผอมไม่ควรผึ่งแดดให้มากเพราะจะทำให้ผอมมากไปอีก ถ้าอ้วนเกินไปต้องผึ่งแดดให้มากสักหน่อย เพราะจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ ควรคุมน้ำหนักทุกครั้งที่มีการซ้อม และการเลี้ยงทุกวันตอนเช้า
  2. อาบน้ำประมาณ 7 วัน แล้วจึงเริ่มซ้อมครั้งแรกสัก 2 ยก ๆ ละไม่เกิน 12 นาที ซ้อมสัก 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ซ้อมยกละ 15 นาที รวมแล้วให้ได้ 6 ยก ระยะการปล้ำแต่ละครั้งควรจะมีเวลาห่างกันประมาณ 10 -15 วันพอครบกำหนดแล้วต้องถ่ายยาตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว

วิธีล่อ

เวลาประมาณบ่าย 2 โมงเย็น เอาน้ำเช็ดตัวไก่ที่เลี้ยงเล็กน้อย แล้วเอาไก่ที่เป็นไก่ล่อ จะเป็นการล่อทางตรงหรือทางอ้อมก็แล้วแต่สะดวก แล้วล่อไก่ให้ย้าย คือเอาไก่ล่อ ๆ วนไปข้างซ้าย 10 รอบ เย้ายวนไปทางขวา 10 รอบ ย้ายจนกว่าไก่ตัวถูกล่อจะไม่ล้มจึงจะใช้ได้ แล้วล่อให้ไก่บินบ้าง ล่อประมาณ 20 - 25 นาทีก็พอ พอเสร็จจากการล่อเอาขนไก่ปั้นคอ พอหายเหนื่อยแล้วอาบน้ำได้ เสร็จแล้วผึ่งแดดให้ขนแห้งแล้วกินอาหารได้

การใช้ขมิ้น

ทุกครั้งเวลาอาบน้ำไก่ในตอนเช้า ต้องใช้กระเบื้องอุ่น ๆ ประคบหน้าพอสมควร ถ้ามากนักจะทำให้หน้าเปื่อย แล้วทาขมิ้นบาง ๆ ทุกครั้ง บางคนใช้ทาเฉพาะหน้าอก ขา ใต้ปีก ตามเนื้อเท่านั้น (ใช้ได้เหมือนกัน)

การปล่อยไก่

ไก่ที่เลี้ยงไว้ชนพอเวลาแดดอ่อนๆควรได้ปล่อยไก่ให้เดินตามสนามหญ้าแพรกนอกจากจะให้ไก่ได้เดินขยายตัวแล้ว ไก่ยังมีโอกาสได้กินหญ้าไปในตัวด้วย วิธีแก้ไขให้น้ำหนักตัวลด เวลาไก่ชนที่เลี้ยงอ้วนเกินไปน้ำหนักตัวจะมากบินไม่ขึ้น ควรผึ่งแดดให้หอบนาน ๆ หากไก่ผอมมากไปไม่ควรให้ถูกแดดมากเกินไป เวลานอนควรให้นอนบนกาบกล้วย หรือเอาน้ำเย็นเช็ดตัวบาง ๆ ก่อนนอน การนอนควรนอนในมุ้งทุกคืนเพื่อมิให้ยุงไปรบกวน ไก่จะได้นอนหลับสบาย การเลี้ยงไก่ถ่าย การเลี้ยงไก่ถ่าย หรือไก่ที่เปลี่ยนขนตั้งแต่หนึ่งครั้งขึ้นไป วิธีเลี้ยงเช่นเดียวกับไก่หนุ่ม ผิดกันตรงที่ไก่ถ่ายต้องปล้ำให้ได้ที่ คือปล้ำครั้งละ 2 ยก ยกละ 15 นาที จำนวน 5 ครั้ง รวม 10 ยก หรือปล้ำจนกว่าจะบินไม่ล้ม แล้วผึ่งแดดให้นานกว่าไก่หนุ่มหน่อย นอกนั้นเหมือนกันหมด

ยาถ่ายไก่

ยาถ่ายโบราณคนนิยมใช้กันมากมีส่วนผสมดังนี้
  1. เกลือประมาณ 1 ช้อนคาว
  2. มะขามเปียก 1 หยิบมือ
  3. ไพลประมาณ 5 แว่น
  4. บอระเพ็ดยาวประมาณ 2 นิ้ว หั่นเป็นแว่นบาง ๆ
  5. น้ำตาลปีบประมาณ 1 ช้อนคาว
  6. ใบจากเผาไฟเอาถ่าน (ใช้ใบจากประมาณ 1 กำวงแหวน) ใช้ครกตำให้ละเอียดเข้า ด้วยกัน เวลาใช้ยาควรให้ไก่กินเวลาเช้าท้องว่าง
ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดหัวแม่มือ 2 เม็ด ให้น้ำกินมาก ๆ หน่อย แล้วครอบผึ่งแดดไว้รอจนกว่ายาจะออกฤทธิ์ ถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้ง ก็พอแล้วเอาข้าวให้กินเพื่อให้ยาหยุดเดิน

น้ำสำหรับอาบไก่

ปกติไก่เลี้ยงจะต้องอาบน้ำยาจนกว่าไก่จะชน เครื่องยาที่ใส่น้ำต้มมีดังนี้
  1. ไพลประมาณ 5 แว่น
  2. ใบส้มป่อยประมาณ 1 กำมือ
  3. ใบตะไคร้ ต้นตะไคร้ 3 ต้น
  4. ใบมะกรูด 5 ใบ
  5. ใบมะนาว 5 ใบ
เอา 5 อย่างมารวมกันใส่หม้อต้มให้เดือดแล้วทิ้งไว้ให้อุ่น พออุ่น ๆ แล้วค่อยอาบน้ำไก่ แล้ว นำไปผึ่งแดดให้ขนแห้ง

ยาบำรุงกำลังไก่

ยาบำรุงที่นิยมกันมากมีหลายขนาน แต่จะยกมาขนานเดียว คือ
  1. ปลาช่อนใหญ่ย่างไฟ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง 1 ตัว
  2. กระชายหัวแก่ ๆ ประมาณ 2 ขีด (แห้ง)
  3. กระเทียมแห้ง 1 ขีด
  4. พริกไทย 20 เม็ด
  5. บอระเพ็ดแห้ง 1 ขีด
  6. นกกระจอก 7 ตัว
  7. หัวแห้วหมู 1 ขีด
  8. ยาดำพอประมาณ
นกกระจอกนำไปย่างไฟแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปตำให้ป่น ปลาช่อนก็ตำให้ป่น แล้วนำทั้ง 8 อย่างมาผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดพุทราให้กินวันละ1 เม็ดก่อนนอนทุกวันจนกว่าไก่จะชน ยาบางตำราไม่เหมือนกันแต่ได้ผลดีทั้งนั้น แต่ไปแพ้กันตรงที่ไก่เก่งไม่เก่งเท่านั้น ไก่ที่นำไปชนทุกครั้งถ้าไม่ได้ชน กลับมาจะต้องฉะหน้าถอนแข้งทุกครั้ง ๆ ละ 5 นาที 1 ครั้ง ก่อนจะนำไปชนต่ออีก

วิธีให้น้ำไก่ขณะกำลังชน

วิธีให้น้ำ ไก่ชน การใช้น้ำไก่เป็นสิ่งจำเป็นในการชนไก่เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าท่านให้น้ำไก่ไม่เป็น เอาไก่ไปชนโอกาสแพ้มีมาก มือน้ำเท่านั้นเป็นผู้ชี้ชะตาไก่ของท่าน เพราะฉะนั้นท่านต้องเป็นคนให้น้ำไก่เก่งๆ จึงจะสู้เขาได้ วิธีให้น้ำไก่ก่อนชน ท่านต้องใช้ผ้ามุ้งบาง ๆ ชุบน้ำเช็ดตัวให้ทั่วตัวทุกเส้นขน แต่อย่างให้ปีกเปียก (เพราะปีกเป็นอุปกรณ์สำคัญในการต่อสู้) แล้วเช็ดให้แห้ง ให้กินข้าวสุก จนอิ่มแล้วปล่อยให้เดินเพื่อจะได้ขยายตัว และแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนำไก่เข้าชน พอหมดยกที่ 1 เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าอก และใต้ปีกเสียก่อนจึงค่อยเช็ดตามตัวให้ทั่ว แล้วตรวจบาดแผลตามหัว ตามตัวว่ามีผิดปกติหรือเปล่า ตรวจดูตา ตรวจดูปากให้เรียบร้อย ถ้าปากฮ้อ ก็เตรียมผูก ถ้าตาหรี่ก็ควรเสนียดตา หรือถ่างตา เสร็จเรียบร้อยแล้วให้กินข้าวสุกที่บดไว้ ประมาณ 3 - 4 ก้อน แตงกวาแช่น้ำมะพร้าวอ่อน พอให้อิ่มแล้วเอาไก่นอน ๆ ประมาณ 5 นาที หลังจากนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอากระเบื้องอุ่นมาเช็ดตามตัว ตามหน้าแข้ง ขาให้ทั่วบริเวณที่ถูกตี แล้วปล่อยให้เดิน และให้ไก่ถ่ายออกมาเพื่อจะได้ให้ตัวเบา (ยกต่อไปก็ทำเหมือนยกที่ 1 จนกว่าจะแพ้ ชนะกัน)

วิธีรักษาพยาบาลหลังจากไก่ชนแล้ว

ตามปกติไก่ที่ชนมาแล้วจะมีบาดแผลมากน้อยแล้วแต่กำหนดเวลาการต่อสู้ บางตัวก็ชนะเร็ว บางตัวก็ชนะช้าบาดแผลก็มีมาก เวลาชนเสร็จแล้วควรใช้เพนนิซิลิน อย่างเป็นหลอดทาตามหน้าให้ทั่ว เพื่อไม่ให้หน้าตึง อย่าใช้ขมิ้นเป็นอันขาด ถ้าบาดแผลมากจริงควรใช้ยาพวกสเตปโตมัยซิน หรือฉีดยาเทอรามัยซิน หรือจะให้กินยาเต็ดตร้าไซคลินก็ได้ วันละ 1 เม็ด ตอนเย็น ประการสำคัญ อย่าให้ทับตัวเมียเป็นอันขาด หลังจาก 1 เดือนไปแล้วให้ทับได้

การเลี้ยงไก่เเจ้

เลี้ยงไก่แจ้แบบมืออาชีพ

k1
ความรู้เบื้องต้นสำหรับผู้ที่รักและคิดจะเลี้ยงไก่แจ้เป็นสัตว์สวยงามนั้นจะ ต้องเริ่มจากความรักและความชอบเป็นพื้นฐานก่อน หลังจากนั้นจะต้องมีความพยายามและตั้งใจในการเลี้ยงให้ดีที่สุด คุณอุดมศักดิ์ จรัลเวชสิทธิ์ ชาว จังหวัดเพชรบุรี และเป็นสมาชิกของสมาคมอนุรักษ์ไก่แจ้ไทย ได้อธิบายถึงวิธีการเลี้ยงไก่แจ้ให้ได้ดี ว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เด่นชัดและถูกต้อง
คุณอุดมศักดิ์ บอกว่าเริ่มต้นจากการหาสายพันธุ์ของไก่แต่ละสีจะต้องถูกต้องและได้มาตรฐาน เช่น หงอน และเหนียงมีจำนวน 4-5 จักร ส่วนของหัวไก่จะต้อง กลมโตสมส่วนกับหน้าและหงอน สีของปากจะต้องถูกต้องตามสีของประเภทไก่แจ้ อาทิ ไก่แจ้สีขาว ปากจะต้องเหลืองไม่ขาวซีด  น้ำหนักของตัวไก่จะต้องไม่อ้วนหรือผอมเกินไป ปีกควรจะใหญ่ยาว   ระพื้นสวยงาม ไม่ยกลอย ขนปีกเต็มสมบูรณ์ ไม่แตกหรือชำรุดจนเว้าแหว่ง สีของปีกจะต้องไม่มีสีแซมเลอะเทอะ ที่สำคัญ การก้าวเดินและการออกฟอร์ม รูปร่างจะต้องสมส่วนกับเครื่อง การก้าวเดินจะต้องสง่างามเหล่านี้เป็นต้น
หรือพูดรวม ๆ ของลักษณะที่ดีของไก่แจ้ก็คือ “หน้าดี สีสวย กระรวยตั้ง หางดก อกกลม สมส่วน ควรอนุรักษ์” ในการหาสายพันธุ์ของแต่ละสีนั้นจะต้องใช้ไก่เพศ ผู้ จำนวน 1 ตัวและเพศเมีย จำนวน 2-3 ตัว โดยเน้นว่าไก่แจ้เพศผู้และเพศเมียจะต้องมีสายเลือดเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ในการขยายพันธุ์ควรจะใช้ตู้ฟักไข่เป็นหลักและจะต้องคอยเก็บไข่ ทุกวัน จดรหัสเบอร์สายพันธุ์และวันที่เก็บไข่ไว้ที่ฟองด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นไข่ของไก่สีอะไรและวันไหน เพื่อจะได้รวบรวมเข้าตู้ฟักไข่ ในการรวมไข่เข้าตู้ฟักในแต่ละครั้งจะให้ดีไม่ควรเกิน 5 วันจะทำให้การฟักของลูกไก่ได้ผลดีมาก
ในการอนุบาลลูกไก่แจ้ เมื่อลูกไก่ฟักออกจากไข่ ควรให้ลูกไก่อยู่ในตู้ฟักต่ออีก  1-2 วันโดยไม่ต้องให้อาหารใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากลูกไก่จะได้รับอาหารจากไข่แดงอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาครบ 1-2 วันแล้วให้นำ  ลูกไก่มาไว้ในตู้อนุบาล จะต้องเปิดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นตลอด 24 ชั่วโมงโดยใช้หลอดไฟ 25 วัตต์ เป็นเวลานาน 1-2 เดือน ถึงจะเริ่มการคัดแยกไก่ได้ ในเรื่องของการตลาดเมื่อมีการจัดการประกวดไก่แจ้ เราจะต้องนำไก่แจ้ของเราที่คิดว่ามีความพร้อมในการประกวดได้นำไปร่วมประกวด ด้วยเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้เห็นไก่แจ้ของเรา
เนื่องจากที่สนามประกวดจะมีผู้เลี้ยงไก่แจ้และพ่อค้า-แม่ค้ามาหาซื้อไก่แจ้ เพื่อนำไปจำหน่ายและมีอีกหลายคนมีความต้องการไก่เพื่อนำไปพัฒนาสายพันธุ์ให้ ดีและสวยงามยิ่งขึ้นต่อไป ปัจจุบันสีของไก่แจ้ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ สีขาว แบบสีขาวบริสุทธิ์ เหมือนปุยหิมะ ไม่มีสีอื่นปะปน สีดำ ที่ดำสนิททั้งตัวและขน และสีดอกหมากเป็นต้น

การเลี้ยงไก่ไข่


วิธีเริ่มต้นเลี้ยงไก่ไข่

            ผู้เลี้ยงที่ยังไม่มีความรู้ความชำนาญงานประเภทนี้ ควรเริ่มต้นหัดเลี้ยงด้วยไก่จำนวนน้อย เพื่อศึกษาหาความรู้ความชำนาญเสียก่อน สำหรับผู้ที่มีความรู้ความชำนาญแล้ว อาจเริ่มต้นเลี้ยงตามขนาดของทุนและสถานที่ ถ้าเริ่มต้นด้วยไข่ฟัก หรือลูกไก่ ก็ย่อมลงทุนถูก หากเริ่มต้นด้วยไก่ใหญ่ ก็อาจะต้องใช้ทุนมากขึ้น โดยทั่วไปผู้เลี้ยงอาจเริ่มจากระยะไหนก็ได้ อาทิเช่น
          1. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงลูกไก่อายุ 1 วัน เป็นวิธีที่มีผู้เลี้ยงนิยมกันมากเนื่องจากทุนน้อย ผู้เลี้ยงสามารถเลี้ยงไก่ได้ตลอดเวลาด้วยตัวเอง สามารถที่จะดูแลเอาใจใส่ได้อย่างเต็มที่ ได้รู้ประวัติของไก่ทั้งฝูงตลอดเวลา จึงทำให้ได้ฝึกฝนการเลี้ยงไก่และมีความมั่นใจในการเลี้ยงไก่มากขึ้น แต่การเลี้ยงแบบนี้ต้องใช้เวลานานกว่าไก่จะให้ไข่ เพราะต้องเลี้ยงตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากและใช้ความชำนาญค่อนข้างสูง อีกทั้งยังต้องเสี่ยงต่อการตายของไก่ในระยะแรกๆ และจะต้องรอไปอีกเป็นเวลาอย่างน้อยถึง 22 สัปดาห์ ไก่จึงจะเริ่มให้ไข

          2. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงไก่รุ่นอายุ 2 เดือน เป็นวิธีที่นิยมกันในปัจจุบัน โดยการที่ผู้เลี้ยงซื้อไก่รุ่นอายุ 6 สัปดาห์ - 2 เดือน มาจากฟาร์มหรือบริษัทที่รับเลี้ยงลูกไก่ เนื่องจากลูกไก่ในระยะนี้ราคายังไม่แพงมากนัก และสามารถตัดปัญหาในเรื่องการเลี้ยงดูลูกไก่และการกกลูกไก่ การเลี้ยงไก่รุ่นอายุ 2 เดือนนี้ มักจะให้อาหารที่มีคุณภาพค่อนข้างต่ำ ราคาถูก การเลี้ยงดูก็ไม่ต้องใช้ความชำนาญมากนัก ผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยงไก่เป็นครั้งแรก จึงสมควรเริ่มเลี้ยงด้วยวิธีนี้

          3. เริ่มต้นด้วยการเลี้ยงไก่สาว เป็นวิธีที่ผู้เลี้ยงไก่เป็นอาชีพหรือเพื่อการค้านิยมกันมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดูไก่เล็กหรือไก่รุ่น นอกจากนี้โรงเรือนก็สร้างไว้เฉพาะกับไก่ไข่เท่านั้น แต่การเลี้ยงไก่วิธีนี้ต้องลงทุนสูง ผู้เลี้ยงจะต้องรู้จักฟาร์มที่ผลิตไก่สาวเป็นอย่างดี ต้องสอบถามถึงประวัติของฝูงไก่สาวที่นำมาเลี้ยงเสมอ เพราะช่วงที่ไก่ยังเป็นลูกไก่และไก่รุ่นผู้เลี้ยงไม่สามารถรู้ประวัติของฝูงไก่สาวที่จะนำมาเลี้ยงได้


การเลี้ยงดูไก่เล็ก

การเลี้ยงดูไก่เล็ก (อายุ 1 วัน-16 สัปดาห์)

          การเลี้ยงไก่ในระยะนี้เป็นระยะที่มีความสำคัญมาก ต้องดูแลและเอาใจใส่อย่างมาก เพื่อให้ลูกไก่มีสุขภาพดี สมบูรณ์แข็งแรง และอัตราการเลี้ยงรอดสูง ควรจัดการดังนี้
 
          1. เมื่อนำลูกไก่มาถึงฟาร์มต้องนำเข้าเครื่องกกโดยเร็วที่สุด และเตรียมน้ำสะอาดพร้อมให้กินทันที ถ้าลูกไก่ยังไม่รู้จักที่ให้น้ำต้องสอนโดยการจับไก่เอาปากจุ่มน้ำ 2-3 ครั้ง ควรผสมยาปฏิชีวนะหรือวิตามินให้ลูกไก่กินติดต่อกัน 2-3 วันแรก แต่ถ้าลูกไก่มีลักษณะนอนฟุบ อ่อนเพลียมาก ควรผสมน้ำตาลทรายลงในน้ำผสมยาปฏิชีวนะในอัตรา 5-10% ในระยะ 12 ชั่วโมงแรก
          2. เมื่อลูกไก่เข้าเครื่องกกได้ 2-3 ชั่วโมง หรือลูกไก่เริ่มกินน้ำได้แล้วจึงเริ่มให้อาหารไก่ไข่เล็ก โดยโปรยลงบนถาดอาหาร พร้อมทั้งเคาะถาดเพื่อเป็นการเรียกลูกไก่ให้มากินอาหาร โดยให้กินแบบเต็มที่ ให้น้อยๆ แต่บ่อยครั้งอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง
          3. ให้แสงสว่างในโรงเรือนเพียง 1-3 วันแรกเท่านั้น เพื่อให้ลูกไก่คุ้นเคยกับสถานที่ แต่ไฟที่ให้ควรเปิดสลัวๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไก่เดินเล่นห่างเครื่องกก ภายในเครื่องกกต้องมีแสงไฟอยู่ตลอดเวลาในระยะ 1-3 สัปดาห์
          4. หมั่นตรวจดูแลสุขภาพไก่โดยสม่ำเสมอ ตรวจอาหารและน้ำ ขวดน้ำต้องล้างและเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวัน เปลี่ยนวัสดุรองพื้นที่ชื้นแฉะ และระวังอย่าให้ลมโกรก แต่อากาศต้องถ่ายเทได้สะดวก
          5. ขยายวงล้อมกกให้กว้างออกไปตามความเหมาะสมทุกๆ 5-7 วัน พร้อมทั้งยกเครื่องกกให้สูงขึ้นเล็กน้อย และปรับอุณหภูมิของเครื่องกกให้ต่ำลงสัปดาห์ละ 5 องศาฟาเรนไฮด์
          6. ทำวัคซีนตามกำหนด
          7. ตัดปากลูกไก่เมื่ออายุ 6-9 วัน โดยตัดปากบนออกประมาณ 1 ใน 3 ของปาก และจี้ปากล่างด้วยใบมีดร้อนๆ
การตัดปาก มีจุดประสงค์เพื่อ
เครื่องตัดปากไก่
1.
เพื่อป้องกันการจิกกัน
2.
เพื่อลดประมาณการสูญเสียอาหารหกหล่น
การตัดปากที่ถูกวิธ
1.
จับลูกไก่ไว้ในอุ้งมือ ให้นิ้วหัวแม่มืออยู่หลังหัวลูกไก่
2.
ใช้นิ้วหัวแม่มือกดหัวลูกไก่ให้อยู่นิ่ง
3.
เลือกขนาดรูตัดที่เหมาะสมเพื่อตัดปากลูกไก่ประมาณ 2 มม. จากปลายจมูก
4.
ใบมีดตัดปากต้องร้อนจนแดง เมื่อกดใบมีดตัดปากไก่แล้วจะต้องคงค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที เพื่อช่วยห้ามเลือด
                  การตัดปากไก่ไม่ดีนอกจากทำให้ไก่กินอาหารและน้ำลำบากแล้ว ปริมาณไข่จากไก่ตัวนั้นย่อมลดลง ดังนั้น การตัดปากควรทำอย่างประณีต ระยะเวลาตัดปากที่ดีที่สุดประมาณ 7-10 วัน ควรตัดปากให้ระยะจากจมูกออกมาไม่ต่ำกว่า 2 มม. ถ้าพบว่าการตัดปากไม่ดีควรทำการแต่งปากเมื่ออายุไม่เกิน 10 สัปดาห์
          8. เมื่อกกลูกไก่ครบ 21 วัน ให้นำวงล้อมและเครื่องกกออก แต่ต้องระวังอย่าให้ลูกไก่ตื่น เพื่อป้องกันการเครียดก่อนจะเปิดวงล้อมออกต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้
 
-
ที่ให้อาหาร ใช้แบบถังแขวนในอัตรา 3-4 ใบต่อไก่ 100 ตัว
-
ที่ให้น้ำ ใช้แบบถังแขวน ในอัตราตามขอบราง 1 นิ้วต่อไก่ 1 ตัว แต่ทั้งที่ให้อาหารและที่ให้น้ำ ต้องคอยปรับให้อยู่ในระดับความสูงเท่ากับหลังไก่เสมอ
          9. การให้กรวด กรวดมีความสำคัญต่อไก่ ในการช่วยบดอาหารที่มีขนาดโตให้ละเอียดขึ้น โดยเริ่มให้ไก่กินกรวดตั้งแต่อายุ 3 สัปดาห์ขึ้นไป โดยให้สัปดาห์ละครั้งๆ ละ ครึ่งกิโลกรัมต่อไก่ 100 ตัว
          10. ควบคุมและป้องกันสัตว์อื่นๆ ไม่ให้มารบกวน
          11. เริ่มชั่งน้ำหนักไก่จำนวน 5% ของฝูงเมื่ออายุ 6 สัปดาห์ จดบันทึกปริมาณอาหาร จำนวนไก่ตาย คัดทิ้ง สิ่งผิดปกติ การปฏิบัติงาน การใช้ยาและวัคซีนเป็นประจำ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาและคำนวณต้นทุนการผลิต

วิธีเลี้ยง

go

วิธีการเลี้ยงไก่ชนครับ

สูตรการเลี้ยงไก่ชนบ่อน ใช้เวลาประมาณ 60 วันครับ

ตอนเช้า วิ่งลู่ 30 นาที การวิ่งลู่จะวิ่งทุกวันครับ ให้บินทุกวันวันละ 50ครั้งก็พอครับ ยกเว้นวันไหนไก่ออกให้งดเอาบินครับ

อาบน้ำ ลงขมิ้นตามสไลต์ใครสไตล์มันครับ แต่สำหรับผมไก่พม่าจะลงแค่หน้ากับแข้งด้านในเท่านั้นครับแล้วส่วนป่าก๋อยเชิงไทยทั่วตัวเลยครับ ทุกอณูรูขุมขนครับล้างออกช่วงตอนกราดน้ำช่วงเย็นครับ  ป้อนยา กราดแดด ให้ข้าวเปลือก

กราดแดดถึงประมาณไม่เกิน 11 โมงเช้านะครับ ถ้าแดดตอนเที่ยงไม่ควรครับแต่ถ้าแดดแรงจัดให้สังเกตตัวไก่ถ้าไก่ตัวไหนหอบก่อนเวลาให้เก็บเข้าร่มทันทีจากนั้นยอนคอด้วยปีกไก่ให้ไก่กินน้ำสัก 4-5 cc

จากนั้นปล่อยให้ไก่เดินในที่โล่งๆในร่มปล่อยให้กินยาหรือถ้าไม่มีสนามหญ้าจะให้ผักจำพวก คะน้า แตงกวา ฟักทอง ได้หมดครับ

พอเวลาประมาณบ่ายสองให้จับไก่มาป้อนกล้วยน้ำว้าสัก 1/3 ลูกจากนั้นบ่ายสามโมงเย็นเริ่มคลายน้ำเย็นกราดแดดช่วงบ่ายจะทำให้ไก่เนื้อตัวแข็งเร็วขึ้นครับ กราดพอเปียกนิดๆๆนะครับอย่าเปียกเกินไปเพราะจะทำให้ไก่แห้งไม่ทันก่อนค่ำเดี๋ยวจะเป็นหวัดครับให้ข้าวเย็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นครับ 6โมงเย็นก็เก็บเข้าที่นอนครับคลุมมุ้งให้ไก่นะครับจะได้นอนหลับโดยไม่มียุงรบกวน

การลงนวม ทำเนื้อทำตัวครับการนับวันจะนับเลขตามปฏิทินนะครับจะได้ไม่งงกันจะนับ31วันนะครับ

วันที่1-15 เนื้อตัวจะเริ่มแดงถ้าให้ยาครบเซ็ทนะครับ

วันที่16 เริ่มลงนวมครั้งแรก
20 นาทีครับ ปล่อยปากไก่ที่เลี้ยงชนพันปากบนปากล่างไก่นวมนะครับพันตอทั้งคู่ครับแล้วพัก4วัน

วันที่21 ยกที่สอง 22 นาที ปล่อยปากไก่ที่เลี้ยงชนพันปากไก่นวมเหมือนเดิมแล้วพัก 5 วัน

วันที่26 ยกที่สาม 25 นาที ทำเหมือนเดิมครับ แต่จะพักไก่ 7 วันครับ

วันที่2 ยกที่สี่ 22 นาที ทำเหมือนเดิมครับ แต่พอลงนวมเสร็จจะให้ไก่เดินลู่อีก30นาทีครับ 5วันครับ

วันที่8ยกที่ห้า 20 นาที พันปากไก่ทั้งคู่ครับใส่นวมหนากว่าปกตินิดนึงนะครับแล้วจุ่มน้ำที่นวมให้เปียกชุ่มนะครับเพื่อให้ไก่ได้โยนแข้งหน้าอย่างเดียวครับสำหรับไก่พม่าถ้าเป็นไก่เชิงไทยไก่จะได้เดินได้ดันแต่ไม่ได้ตีครับแต่จะได้กำลังดีมากครับแล้วพัก20นาทีแล้วลงนวมอีก20นาทีครับ จากนั้นพักไก่7วันครับ

วันที่15ยกที่หก 20นาทีทำเหมือนยกที่ห้าทุกอย่างครับ แล้วพักไก่6วันครับ

วันที่22ยกที่เจ็ดลงนวมแค่15นาทีครับแล้วพักไก่5วันครับ ช่วงพัก5วันนี้สำคัญมากครับต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดนะครับเพราะเป็นช่วงเวลาก่อนชนครับควรปล่อยให้ไก่ได้อยู่ในที่โล่งๆปล่อยเดินทั้งวันในที่โล่งและร่มนะครับยิ่งดีครับ
อย่าปล่อยในที่ร่มที่มีต้นไม้นะครับเพราะไก่อาจจะบินขึ้นลงต้นไม้อาจจะเจ็บขาได้ครับ ควรระวังอย่างยิ่งครับ

วันที่ 28 ออกชนได้ครับวันที่ออกชนควรเช็คว่าไก่ตีสุดปีกสุดหางหรือไม่ด้วยการปล่อยให้ตีประมาณ2นาทีครับ ก่อนออกบ้านเพื่อเช็คการตีครับการเช็คไก่ควรพันตอไก่นวมให้หนาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะครับเพื่อป้องกันอุบัติเหตุครับรับรองว่าถ้าเลี้ยงตามนี้จะตีสุดปีกสุดหางตีได้ตลอด8อันครับทางเหนือตีแค่8อันครับแค่นี้เนื้อตัวไก่ก็เป็นแข็งเป็นเหล็กแล้วครับจะชนยากด้วยซ้ำไปอิอิ


ปล..... ถ้าออกบ่อน4วันแล้วไม่ได้คู่ ควรถอดแข้งสัก 15นาทีนะครับ แล้วพัก 5 วันพอครับ แล้วออกชนใหม่ได้เลยครับ


ขอให้เซียนไก่ชนทุกท่าน โชคดีครับ เก็บชัยชนะตลอดปีและตลอดไปครับอย่าเก่งกว่าไก่นะครับถ้าเสียเปรียบเยอะมากก็อย่าชนเลยครับไก่เค้าไม่ได้กินข้าววันละถังครับใจเย็นๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ เลี้ยงดีเปรียบดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ


ขอบคุณครับ โอ๊ต zeankaichon.com ครับ



หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยยินดีให้คำปรึกษาครับ 081-208-2228ครับ